เชื่อว่าหลายคนที่เรียนภาษาอังกฤษด้วยจุดประสงค์มากมายที่แตกต่างกันไป เช่น เรียนเพื่อใช้ในการทำงานกับบริษัทต่างชาติ เรียนเพื่อเตรียมตัวสำหรับไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เรียนเพื่อให้เอื้อประโยชน์ในการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย หรือเรียนเพื่อไปสอบ IELTS สำหรับสมัครเรียนต่อต่างประเทศ ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะแตกต่างกันด้วยหลากหลายวัตถุประสงค์ แต่เชื่อว่าผู้เรียนทุกคนย่อมต้องการสามารถใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้คล่องแคล่วไม่แพ้ภาษาแม่ของตนเอง และคำถามที่มักจะเกิดขึ้นควบคู่ระหว่างการเรียนภาษาอังกฤษในทุกๆทักษะคือ
“ทำไมรู้สึกว่าใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่เป็นธรรมชาติ”
“เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งนาน ทำไมเวลาพูดยังฟังดูธรรมดาๆอยู่เลย”
“ทำยังไงดีการใช้ภาษาอังกฤษถึงจะใกล้เคียง Native speakers กว่านี้”
ฯลฯ
แน่นอนว่า การเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง จนสามารถใช้ทุกทักษะได้อย่างเชี่ยวชาญนั้นย่อมต้องใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน ตลอดจนเรียนรู้อยู่อย่างสม่ำเสมอ และในวันนี้ทาง InterBoosters จึงอยากมาแชร์เทคนิคการใช้ word links หรือ “คำเชื่อม” ที่มาช่วยยกระดับให้ทั้งพูดและการเขียนภาษาอังกฤษของหลายๆคนให้เป็นธรรมชาติ ลื่นไหล ไม่สะดุดในทุกๆสถานการณ์ โดยเฉพาะผู้อ่านที่กำลังอยู่ในช่วงเร่งรัดสำหรับเตรียมสอบ IELTS เทคนิคที่เราเตรียมมานำเสนอในวันนี้ อาจจะช่วยเพิ่มคะแนนในส่วนฟังและพูดได้อย่างง่ายๆกันเลยทีเดียว
คำเชื่อม (Word links) เป็นตัวเชื่อมประสานใจความต่างๆ หรือประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันเข้าด้วยกัน เพื่อสื่อถึงวัตถุประสงค์ของประโยคต้องการสื่อ เช่น ต้องการเพิ่มสาระใจความในประโยค หรือแสดงใจความที่ขัดแย้งกันในประโยค ซึ่งการใช้ภาษาอังกฤษให้ดูลื่นไหล เป็นธรรมชาตินั้น ไม่จำเป็นต้องใช้คำศัพท์ยากๆเป็นทางการเสมอไป แต่เป็นการเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ คู่สนทนา บริบท ฯลฯ การใช้ภาษาอังกฤษให้เหมาะสมกับเงื่อนไขที่กล่าวมานี้ จึงจะถือว่าเป็นผู้ที่มีทักษะด้านภาษาอังกฤษจริงๆ
วันนี้ทางเราจะเสนอ Word links ที่สำคัญ เราสามารถพบเห็นได้ในทั่วไปในการใช้ภาษาอังกฤษตั้งแต่ บทสนทนา อีเมลล์ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น ได้แก่ Especially, However และ What’s more.
Especially – โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
Especially มักจะถูกใช้ในการเชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกัน จุดประสงค์เพิ่มรายละเอียดที่ต้องการกล่าวถึงอย่างเฉพาะเจาะจง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- I love Italian foods, especially the dessert. (ฉันชอบอาหารอิตาเลี่ยน โดยเฉพาะของหวาน)
ประโยคดังกล่าวจะเห็นว่า การบอกถึงความชอบในอาหารอิตาเลี่ยนนั้นเป็นการกล่าวอย่างกว้างๆ จากนั้นก็มีการเชื่อมประโยคด้วย Especially เพื่อบอกว่าสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษในอาหารอิตาเลียนคือของหวานนั่นเอง
ลองดูอีกสักสองตัวอย่างหนึ่งกัน - We like working with ambitious clients, especially clients in IT and digital industries.
(พวกเราชอบทำงานกับกลุ่มลูกค้าที่มีความทะเยอทะยานสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมไอทีและด้านดิจิตอล)
- I really like California, especially San Francisco and San Diego.
(ฉันชอบแคลิฟอร์เนียเสียจริง โดยเฉพาะซานฟรานซิสโกกับซานดิเอโก (ชื่อเมืองในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย)
However – อย่างไรก็ตาม
มักใช้เพื่อเชื่อมสองประโยคที่มีใจความขัดแย้งเข้าด้วยกัน ตัวอย่างประกอบ
- I’ve never been to New York City, however I’ve been to Chicago.
(ฉันไม่เคยไปนิวยอร์กมาก่อน อย่างไรก็ตาม ฉันเคยไปชิคาโก ประโยคนี้กล่าวว่าถึงแม้ผู้พูดไม่เคยไปนิวยอร์ก แต่เคยไปเมืองที่ใหญ่และเจริญพอๆกันอย่างชิคาโก)
หลายคนอาจเกิดคำถามว่า การใช้ However และ But (แต่) ต่างกันอย่างไร คำตอบคือทั้งสองคำมีหน้าที่ที่คล้ายคลึงกันในประโยค คือแสดงถึงใจความที่ขัดแย้งกัน แต่ However มักจะในการสื่อสารที่ค่อนข้างเป็นทางการมากกว่า But จะนิยมใช้ในบทสนทนาทั่วไป ซึ่งระดับของความเป็นทางการในการใช้ภาษาอังกฤษ ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยในชีวิตประจำวัน การสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ หรือการสอบ IELTS ที่ต้องเลือกคำศัพท์ให้เหมาะสมสำหรับการทดสอบทักษะแบบต่างๆ ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
- We can’t respond to your request immediately; however, we will contact you as soon as possible.
(พวกเราไม่สามารถตอบสนองการร้องขอของคุณได้ทันที อย่างไรก็ตามพวกเราจะติดต่อคุณกลับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้)
- We can’t help you right now but we’ll let you know as soon as we can
(พวกเราไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ในขณะนี้ แต่พวกเราจะแจ้งให้คุณทราบให้เร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้)
ประโยคตัวอย่างด้านบนนั้นอาจจะพบเจอได้ในอีเมลล์เชิงธุรกิจ ในขณะที่ประโยคด้านล่างนั้นสามารถพบเจอได้ในบทสนทนาทั่วไป
What’s new – นอกจากนี้, แถมยัง,หนำซ้ำ
ใช้เชื่อมสองประโยค เพิ่มเติมสิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อให้มากขึ้นกว่าเดิม และกล่าวเน้นใจความ/ข้อมูลที่ถูกเพิ่มเข้ามา ลองดูประโยคต่อไปนี้กันค่ะ
- This water bottle will reduce your plastic waste. What’s more, it’s pretty and easy to carry.
(ขวดน้ำดื่ม (แบบใช้ซ้ำได้)นี้จะช่วยลดขยะพลาสติกได้ นอกจากนี้ มันยังดูน่ารัก แถมง่ายต่อการพกพาอีกด้วย)
เป็นที่น่าสังเกตว่า What’s more มีความหมายที่คล้ายคลึงกับ moreover, furthermore หากแต่ทั้งสามคำนี้ใช้ในบริบทที่ต่างกัน โดย What’s more จะใช้กับประโยคบทสนทนาทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ในขณะที่ moreover, furthermore ใช้กับงานเขียนที่เป็นทางการมากกว่านั่นเอง ดูประโยคตัวอย่างที่ใช้ What’s more เพิ่มเติม
- Oh I liked that movie. What’s more, the music is pretty cool.
(โอ้ ฉันชอบหนังเรื่องนี้จัง แถมดนตรียังเจ๋งมากด้วย)
- I really love teaching English. What’s more, I help people all over the world feel more confident.
(ฉันรักการสอนภาษาอังกฤษจริงๆ นอกจากนี้ ฉันยังได้ช่วยผู้คนทั่วทั้งโลกให้รู้สึกมั่นใจ(ในการใช้ภาษาอังกฤษ) เพิ่มขึ้นอีกด้วย)
- There are a lot of cool things to see in the U.S. What’s more, the food is good too.
(มีสิ่งเจ๋งๆมากมายในสหรัฐอเมริกาให้เราไปชม หนำซ้ำอาหารก็ยังอร่อยอีกด้วย)
เรียบเรียงจาก https://www.youtube.com/watch?v=io7OqGlNOEE&feature=youtu.be เผยแพร่เมื่อ 20 ก.พ. 2018
ภาพประกอบจาก http://institutoculturaldeleon.org.mx/icl/story/5027/Primer-Torneo-de-Scrabble-en-la-FeNaL#.W7On02gzZPY